ประเทศไทย

เกาะเต่า


       เกาะเต่า ในปัจจุบันนี้ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่นิยมกัน แต่เชื่อมั้ยครับว่า ในอดีตเกาะเต่าได้เคยใช้เป็นสถานที่ กักขัง นักโทษ ในยุคกบฏบวรเดช เพราะว่าที่ตั้งของเกาะเต่า นั้น เป็นลักษณะทื่เป็นเกาะซึ่งโดดเดี่ยว อยู่กลาง ทะเล และยากแก่การหลบหนีของนักโทษทางการเมือง ตอนที่นักโทษในสมัย นั้นอาศัยอยู่บนเกาะเต่าทาง ผู้ควบคุมเรือนจำก็ได้ให้งานนักโทษทำไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านพักให้กับ ผู้อำนวยการเรือนจำ บ้านพักข้าราชการต่างๆที่และได้สร้างแท็งน้ำขนาดใหญ่ไว้สำหรับดื่มกินและใช้ในยามจำเป็นของนักโทษที่อาศัยอยู่บนเกาะและ พนักงานข้าราชการต่างๆ ในเวลาต่อมา ได้เกิดสงครามแปซิฟิกขึ้น ทางรัฐบาล ไทยเกรงว่า ประเทศอังกฤษ จะมาเอาตัวนักโทษไป จากที่เกาะตะรุเตา ทางรัฐบาลจึงตัดสินใจ ย้าย สถานที่กักขังของนักโทษมาเป็นที่เกาะเต่า เพราะทำเล ที่ตั้งของนั้น เป็นเกาะที่โดดเดี่ยวกลางทะเล แต่ในระหว่างที่ทางรัฐบาลกำลังขนย้ายตัวนักโทษ มายังที่เกาะเต่า ด้านของเกาะเต่าเอง แท็งน้ำที่อยู่บนเกาะเต่า ได้เกิดพังทลายลงมา จึง ทำให้นักโทษที่อยู่บนเกาะเต่า นั้นขาดแคลนน้ำ ไม่มีน้ำ ทางการผู้คุมนักโทษ จึงได้สั่งให้ขุด ขุดบ่อน้ำเล็กๆ เอาไว้เพื่อให้นักโทษ ทั้งหมด54 คนที่จะต้องใช้น้ำ แต่ปรากฎว่าน้ำที่อยู่ภายในบ่อ ยังไหลออกมาไม่เพียงพอ และประกอบกับความต้องการของนักโทษ มีมากขึ้น นักโทษเลยจึง ตัดสินใจที่จะ ซื้อน้ำ มาใช้ในราคาที่เเพงมากในช่วงระยะเวลาเดือนแรกนั้น พัศดี เพี้ยน อนุโรจน์ ผู้อำนวยการเรือนจำ ผู้อำนวยการเกาะได้ให้เกียรติ และปฏิบัติต่อนักโทษการเมืองอย่างดี ตามแบบฉบับที่ควรปฏิบัติต่อนักโทษการเมือง คือ ในตอนกลางวันอนุญาตให้นักโทษการเมืองออกจากบริเวณรั้วท่องเที่ยวไปตกปลาหา พืชผักเป็นอาหารได้โดยเสรี ทั้งนี้โดยถือว่า เกาะเต่า เป็นเกาะซึ่งอยู่โดดเดี่ยวไม่มีเกาะอะไรอยู่ใกล้เคียง และมีทะเลเป็นรั้วรอบอยู่แล้ว ในเวลากลางคืนจึงได้จำกัด ให้นักโทษการเมืองอยู่ในบริเวณรั้วกั้น แต่เพียงชั่วเวลาไม่นาน การปฏิบัติต่อนักโทษการเมืองดีเกินไป ยังผลให้พัศดีเพี้ยน ผู้นี้ต้องถูกสั่งย้ายจาก เกาะเต่า โดย พันตำรวจเอกพระกล้ากลางสมร (มงคล หงสไกร) อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขณะนั้นเห็นว่า เป็นการปล่อยปละนักโทษการเมืองเกินไป ร้อยตรีพยอม เปรมเดชา ได้มาเป็นพัศดีแทน โดยมี จ่าผ่อน หนูรักษา เป็นผู้ช่วยในทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง เขาก็สั่งกักขังนักโทษการเมืองไว้ในเรือนขังในเวลา กลางคืน และกักให้อยู่ในบริเวณรั้วในเวลากลางวัน นักโทษการเมืองจึงหมดโอกาสที่ จะไปตกปลา หาหอย หาปู และพืชผักมาเป็นอาหาร จำต้องกินอาหารอันแร้นแค้น และขาดคุณภาพซึ่งทางเรือนจำจัดหาให้ ร่างกายจึงขาดอาหาร และผ่ายผอมอ่อนแอ จนไม่อาจต้านทานต่อเชื้อไข้จับสั่นที่เป็นมาแล้วจากเกาะตะรุเตา เมื่อได้รับเชื้อใหม่อันร้ายแรงของเกาะเต่า ซึ่งเป็นที่ๆ เพิ่งหักร้างถางพงใหม่ๆ และฝนตกชื้นเสมอ นักโทษการเมืองจึงเป็น ไข้จับสั่นกันแทบทุกคน ความคับแค้นประการสำคัญที่สุดก็คือการติดต่อส่งข่าวคราวทางจดหมายกับญาติเป็นไปด้วยความลำบากอย่างยิ่ง เพราะเรือไม่มีเชื้อเพลิงทั้งเรือดำน้ำทางฝ่ายสัมพันธมิตรก็ยุ่มย่ามมากขึ้น แต่ในท้ายที่สุด นักโทษทางการเมือง ในสมัยกบฏบวรเดช พ.ศ.2476 และคดีกบฏ พ.ศ.2481 ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จอมพลแปลกที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ลาออก ไป ด้วยการแพ้คะแนนเสียงกับรัฐสภา เรื่องการสร้างนครเพชรบูรณ์ เลยจึงทำให้ นายควง อภัยวงศ์ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน และได้ทรงกราบทูลขอพระราชทาน อภัยโทษให้กับนักโทษดังกล่าว หลังจากที่นักโทษได้รับการปล่อยตัวแล้ว จึงทำให้เกาะเต่า ร้างมาเป็นเวลานาน จนถึง ในปี 2490 มีชาวบ้าน ได้อพยพย้ายมาจาก เกาะสมุย และเกาะพะงัน เพื่อที่จะมาตั้งถิ่นฐาน ที่เกาะเต่า ทำให้เกาะเต่า ในเวลานั้น เริ่มเป็นที่รู้จักของชาวบ้านและชาวเดินเรือ ที่มาจอดแวะพักในตอนนั้น ทำให้เกาะเต่า มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ ทั้งทางบก และทางทะเล โดยเฉพาะในช่วง เดือน มิ.ย.-ส.ค. ของทุกปี ก็จะมีเต่าทะเลว่ายขึ้นมาวางไข่บนทุกชายหาดของเกาะเต่า จนทำให้กลายเป็นที่มาของเกาะเต่า ชาวบ้าน ส่วนใหญ่จะมีอาชีพ ทำสวน มะพร้าว ปลูกต้นมะพร้าว และทำการประมง แต่ในระยะเวลาต่อมา เกาะเต่า แห่งนี้ได้มีชื่อเสียง เพิ่มมากขึ้น และเป็นที่รู้จักของ นักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ ทำให้ ชาวบ้านที่อาศัยในเกาะเต่า ปัจจุบัน หันมาทำการท่องเที่ยวแทน  เกาะเต่า มีพื้นที่อยู่ในฝั่งของทะเลอ่าวไทย และอยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลักษณะของ สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย เกาะเต่า จะมีลักษณะที่โค้งเว้า เหมือนกับเมล็ดถั่ว นอกจากนี้ สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยในบริเวณใกล้เคียงกับเกาะเต่ายังมีเกาะนางยวนซึ่ง เป็นเกาะเล็กๆ ด้านตะวันตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเต่า มีสันทรายเชื่อมต่อกับเกาะเต่าในลักษณะเหมือนทะเลแหวก เป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังอีกแห่งหนึ่ง



อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

         อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อ พ.ศ.2515 ประกาศเป็นอุทยานฯ เป็นลำดับที่ 6 ของประเทศไทย มีพื้นที่ 482.4 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่มอำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ดอยอินทนนท์แต่เดิมดอยนี้มีชื่อว่า "ดอยหลวง" หรือ "ดอยอ่างกา" ดอยหลวง มาจากขนาดของดอยที่ใหญ่มาก ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "ดอยหลวง" (หลวง: เป็นภาษาเหนือ แปลว่า ใหญ่) ดอยอ่างกา มีเรื่องเล่าว่า ห่างจากยอดดอยไปทางทิศตะวันตกประมาณ 300 เมตร มีหนองน้ำแห่งหนึ่งลักษณะเหมือนอ่าง ฝูงกาจำนวนมากมายมักพากันไปเล่นน้ำที่หนองน้ำแห่งนี้ จึงพากันเรียกว่า "อ่างกา" และภูเขาขนาดใหญ่แห่งนั้นก็เลยเรียกกันว่า "ดอยอ่างกา" แต่ก็มีบางกระแสกล่าวว่า คำว่า "อ่างกา" นั้น แท้จริงแล้วมาจากภาษาปกาเกอญอ (กะเหรี่ยง) แปลว่า "ใหญ่" เพราะฉะนั้นคำว่า "ดอยอ่างกา" จึงแปลว่าดอยที่มีความใหญ่นั่นเอง ดอยอินทนนท์ อดีตกาลก่อนป่าไม้ทางภาคเหนืออยู่ในความควบคุมของเจ้าผู้ครองนครต่าง ๆ สมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ (องค์สุดท้าย) พระองค์ให้ความสำคัญกับป่าไม้อย่างมาก โดยเฉพาะป่าในบริเวณดอยหลวง ทรงรับสั่งว่า หากสิ้นพระชนม์ลงให้นำอิฐบางส่วนขึ้นไปสร้างสถูปบรรจุไว้บนดอย ดอยนี้จึงมีนามเรียกขานว่า "ดอยอินทนนท์" แต่มีข้อมูลบางกระแสกล่าวว่า ที่ดอยหลวงเรียกว่า ดอยอินทนนท์ นั้น เป็นเพราะเนื่องจากว่าเป็นการให้เกียรติ เจ้าผู้ครองนคร จึงตั้งชื่อจากคำว่า "ดอยหลวง" ซึ่งเป็นชื่อที่มีความซ้ำกับดอยหลวง ของอำเภอเชียงดาว แต่ภายหลังมีชาวเยอรมัน มาทำการสำรวจและวัด ซึ่งปรากฎผลว่า ดอยหลวง หรือดอยอ่างกา ที่อำเภอแม่แจ่มมีความสูงกว่า ดอยหลวง ของอำเภอเชียงดาว จึงเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกัน และเรียกดอยแห่งนี้ว่า "ดอยอินทนนท์" อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เดิมเป็นส่วนหนึ่งของ "ป่าสงวนแห่งชาติดอยอินทนนท์" ต่อมาได้ถูกสำรวจและจัดตั้งเป็นหนึ่งในสิบสี่ ป่าที่ทางรัฐบาลให้ดำเนินการเป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งครั้งแรกกรมป่าไม้เสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ให้มีพื้นที่ 1,000 ตร.กม. หรือประมาณ 625,000 ไร่ แต่เนื่องจากพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ อาศัยอยู่ก่อนหลายชุมชน จึงทำการสำรวจใหม่ และกันพื้นที่ที่ราษฎร อยู่มาก่อน และคาดว่าจะมีปัญหาในอนาคตออก จึงเหลือพื้นที่ที่จะประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 270 ตร.กม. หรือประมาณ 168,750 ไร่ ประกาศลงวันที่ 2 ตุลาคม 2515 และในวันที่ 13 มิถุนายน 2521 รัฐบาลประกาศพื้นที่เพิ่มอีกเป็น 482.4 ตร.กม. อำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อ มีความสูงจากระดับน้ำทะลปานกลาง 400-2,565.3341 เมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย สำหรับวัตถุประสงค์ในการกำหนดที่ดินให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 หมวด 1 มาตรา 6 ดังนี้ "เมื่อรัฐบาลเห็นสมควรกำหนดบริเวณที่ดินแห่งใดมีสภาพธรรมชาติเป็นที่น่าสนใจ ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิมเพื่อสงวนไว้เป็นประโยชน์แก่การศึกษาและรื่นรมย์ของประชาชน ก็ให้มีอำนาจกระทำโดยประกาศพระราชกฤษฎีกาด้วยบริเวณที่กำหนดนี้เรียกว่า อุทยานแห่งชาติ" อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอดอยหล่อ อำเภอจอมทองและอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย

 
 พัทยา 


        “เมืองพัทยา” แต่เดิมนั้นเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในเขต ตำบลนาเกลือ  อำเภอบางละมุง  จังหวัดชลบุรี  อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรีประมาณ 30 กิโลเมตร  มีลักษณะทางกายภาพแนวหาดพัทยาทอดตัวยาวขาวนวล  อยู่ในวงล้อมของโค้งอ่าวครึ่งวงกลม ตลอดแนวยาว กิโลเมตร รวมกับนาจอมเทียนอีก 3 กิโลเมตร  “ด้วยมนต์เสน่ห์ของน้ำทะเลใสที่ส่งประกายระยิบระยับ เสียงคลื่นที่ซัดซ่าฝั่งดังเป็นจังหวะจะโคน ที่สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศอันน่าประทับใจ” ต่อมาในปี 2499 ทางราชการได้จัดตั้งเป็นสุขาภิบาลนาเกลือขึ้น ขณะนั้นหมู่บ้านชาวประมงพัทยายังอยู่นอกเขตสุขาภิบาล กระทั่งต่อมาในปี 2507 (47 ปีที่ผ่านมา) จึงได้มีการขยายอาณาเขต สุขาภิบาล จากตำบลนาเกลือไปจนถึงเขตพัทยาใต้ มีพื้นที่ในการปกครองประมาณ 22.2 ตารางกิโลเมตร พัทยา จัดเป็น สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย เมืองท่องเที่ยวนานาชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลกโดยเฉพาะหาดทรายที่ ทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งทะเล มีความสวยงามอีกแห่งของประเทศไทย


หมู่เกาะพีพี

       จากบันทึกที่มีพบว่าบนเกาะพีพีดอนมีชาวยิปซีเข้ามาอยู่อาศัยนานมากแล้ว โดยกลุ่มคนเหล่านี้สร้างบ้านพักแบบชั่วคราวและเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ ตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ซึ่งพบว่าบ่อยครั้งที่กลุ่มชาวยิปซีจะมาหาที่พักพิงบนเกาะพีพีดอนช่วงฤดูที่มีนักท่องเที่ยวบางตาในปีพ.ศ.2448 (ค.ศ. 1945) เกาะพีพีดอนยังคงไม่มีผู้อยู่อาศัย จนกระทั่งปีพ.ศ. 2493 (ค.ศ.1950) เริ่มมีการเข้ามาตั้งถิ่นฐานครั้งแรกทางทิศเหนือของเกาะพีพีบริเวณอ่าวพังงา ต่อมาจึงมีผู้คนจากกระบี่และจังหวัดอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ซึ่งหลายครอบครัวที่เป็นเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่ในปัจจุบันล้วนสืบเชื้อสายต่อมาจากผู้ตั้งถิ่นฐานในยุคแรกๆ เหล่านี้ ประชากรที่เข้ามาอยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นมุสลิมประกอบอาชีพการประมง ในเวลาต่อมาเกาะได้กลายเป็นสวนมะพร้าวเกาะพีพีเลเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง เดอะ บีช’ (The Beach) ในปีพ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) ซึ่งมีดารานำคือ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ หลังจากภาพยนตร์ออกฉาย ส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งเกาะพีพีดอน และ เกาะพีพีเลเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งโรงแรมและธุรกิจต่างๆ ผุดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงชั่วข้ามคืนเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 สึนามิที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรอินเดียได้คร่าชีวิตผู้ที่อาศัยบนเกาะพีพีดอนไปเป็นจำนวนมาก หมู่บ้านหลักของเกาะที่บริเวณอ่าวต้นไทรส่วนใหญ่สร้างขึ้นบนแหลมทรายซึ่งเป็นทางยาวเชื่อมระหว่างเกาะทั้งสอง ทั้งสองฝั่งของหมู่บ้านต้นไทรมีลักษณะเป็นอ่าวรูปครึ่งวงกลมเรียงรายไปด้วยชายหาด เช้าวันที่ 26 ธันวาคม หลังเวลา 10 นาฬิกาไม่นาน น้ำทะเลในอ่าวทั้งสองฝั่งลดลงอย่างผิดสังเกต จากนั้นคลื่นสึนามิจากทั้งสองฝั่งได้โถมทะลักใส่พื้นที่ช่วงตอนกลางของแหลม คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมากรวมถึงอาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆ ถูกทำลายเสียหายเกือบ 70% จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ภายหลังประสบภัยพิบัติจากคลื่นสึนามิ เกาะพีพีได้ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งอย่างน่าทึ่งด้วยความร่วมมือร่วมใจของคนไทย ตลอดจนความช่วยเหลือที่หลั่งไหลเข้ามาจากทั่วโลก ทำให้เกาะพีพีกลับมาเป็นสวรรค์เขตร้อนเหมือนเช่นที่ผ่านมาอีกครั้ง อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลอันดามันด้านทิศตะวันตกของภาคใต้ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติ รอบ ๆ เกาะมีปะการัง กัลปังหา ทิวทัศน์ใต้ทะเลที่งดงาม และเอกลักษณ์ทางธรรมชาติคือภูเขาหินปูนที่มีหน้าผาเป็นชั้น ๆ ถ้ำที่สวยงาม ตลอดจนชายหาดยาวสะอาด สุสานหอย 40 ล้านปี

                              
หมู่เกาะสิมิลัน

        อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ตั้งอยู่ระหว่างเส้นละติจูดที่ 8 องศา 28ลิปดาถึง 9 องศา 15 ลิปดาเหนือ ตัดกับลองติจูดที่ 97 องศา ถึง 97 องศา 50 ลิปดาตะวันออก ในทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย ที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อยู่ห่างจากท่าเทียบเรือทับละมุ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ประมาณ 70 กิโลเมตร และห่างจากท่าเทียบเรือหาดป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ประมาณ 90 กิโลเมตร เกาะเมียงหรือเกาะสี่เป็นที่ตั้งสิมิลันเป็นภาษายาวี หรือมลายู แปลว่า เก้าจึงมีชื่อเรียกกันว่า หมู่เกาะสิมิลัน หรือเกาะเก้า ประกอบไปด้วยเกาะใหญ่น้อย 9 เกาะด้วยกัน เกาะทั้งเก้าเรียงตัวตามแนวทิศเหนือไปทิศใต้ ได้แก่ เกาะบอน เกาะบางู เกาะสิมิลัน เกาะปายู เกาะห้า เกาะเมียง เกาะปาหยัน เกาะปายัง และเกาะหูยง หมู่เกาะสิมิลัน ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติของประเทศไทย ลำดับที่ 43 ในปี พ.ศ. 2525 มีขนาดพื้นที่ 128 ตารางกิโลเมตร (80,000 ไร่) และในปี 2541 ได้ผนวกพื้นที่บริเวณ เกาะตาชัยเพิ่มอีก 12 ตารางกิโลเมตร เข้าเป็นอุทยานแห่งชาติครอบคลุมพื้นที่เกาะและห้วงน้ำทะเลรอบเกาะที่มีปะการังสมบูรณ์ ในท้องที่เกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา รวมเป็นเนื้อที่ประมาณ 140 ตารางกิโลเมตร (87,500 ไร่) พื้นที่เกาะซึ่งเป็นที่ดินมีประมาณ 26 ตารางกิโลเมตร (16,250 ไร่) ชายฝั่งทะเลในหมู่เกาะสิมิลัน เป็นส่วนภาคตะวันออกของทะเลอันดามัน ในมหาสมุทรอินเดียที่มีการลดตัวลงของพื้นทะเล(SUBMERGENT SHORELINE) จึงมีการกัดเซาะพังทลายโดยมีน้ำทะเลเป็นตัวกระทำอย่างรุนแรงทำให้บริเวณเกาะทั้ง 9 เกาะ เกิดเป็นลักษณะภูมิประเทศที่แปลกตา มีรูปร่างต่างๆ อันเป็นผลจากขบวนการกัดเซาะ สำหรับหินที่พบในหมู่เกาะสิมิลัน ทั้ง เกาะ เป็นหินอัคนีชนิด granite อายุของหินนี้อยู่ระหว่างยุค Tertiary – cretaceous ประมาณ 65 ล้านปีที่ผ่านมาอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งบนบกและใต้น้ำ มีปะการังที่สวยงามหลายชนิด สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก สามารถพบปลาที่หายาก เช่น วาฬ โลมา ปลาไหลมอเร่(moray)ช่วงเดือนที่น่าเที่ยวมากที่สุด คือช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนเมษายน


 วัดพระศรีรัตนศาสดาราม  

             
      วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดพระแก้ว นั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๓๒๗เป็นวัดที่สร้างขึ้นในเขตพระบรมมหาราชวัง ตามแบบวัดพระศรีสรรเพชญ สมัยอยุธยา วัดนี้อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก ทางทิศตะวันออก มีพระระเบียงล้อมรอบเป็นบริเวณ เป็นวัดคู่กรุงที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ใช้เป็นที่บวชนาคหลวง และประชุมข้าทูลละอองพระบาทถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าให้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย มาประดิษฐาน ณ ที่นี้ วัดพระศรีรัตนศาสดารามนี้ ภายหลังจากการสถาปนาแล้ว ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์สืบต่อมาทุกรัชกาล เพราะเป็นวัดสำคัญ จึงมีการปฏิสังขรณ์ใหญ่ทุก ๕๐ ปี คือในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบันวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดพระแก้ว     เป็นวัดที่สร้างขึ้นในเขตพระบรมมหาราชวัง ตามแบบวัดพระศรีสรรเพชญ สมัยอยุธยา วัดนี้อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก ทางทิศตะวันออก มีพระระเบียงล้อมรอบเป็นบริเวณ เป็นวัดคู่กรุงที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ใช้เป็นที่บวชนาคหลวง และประชุมข้าทูลละอองพระบาทถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น